[FANFIC] HONKAI IMPACT X SHIN GODZILLA
ผู้เข้าชมรวม
909
ผู้เข้าชมเดือนนี้
26
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ Asuka
เด็กสาว: แฮ่ก...แฮ่ก...
เธอลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน
ท้องฟ้ากำลังโพล้เพล้ แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าได้ย้อมที่รกร้างผืนนี้จนกลายเป็นสีส้ม
มีแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยมาจากพื้นผิวดิน แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้
เด็กสาว: แฮ่ก...แฮ่ก...
หัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมาจากอกและที่ข้างหูยังคงมีเสียงพึมพำหลงเหลืออยู่
เธอทำได้แค่หายใจกระหืดกระหอบเหมือนคนจมน้ำที่พึ่งได้รับการช่วยเหลือ
เด็กสาว: (บ้าชะมัด ฝันแบบนี้อีกแล้ว...)
ถูกต้อง ความฝัน เธอตระหนักดีว่าทุกสิ่งที่เธอประสบไปเมื่อสักครู่เป็นเพียงฝันร้าย
แต่พอสติคืนกลับมา ก็พบว่าตัวเองเอาแต่กำมือและแบมือซ้ำๆ โดยไม่รู้ตัว
─── ราวกับพยายามจะยืนยันว่า แบบไหนกันแน่ที่เป็นความจริง
เด็กสาว: อึก...
ความรู้สึกเจ็บแปล๊บจากตาซ้าย ทำให้เธอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ทุกครั้งที่เธอพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ ความเจ็บปวดนี้ก็จะพุ่งเข้ามา
เด็กสาว: ฮึ่ม ก็ยังจำอะไรไม่ได้อยู่ดี...
เธอนึกไม่ออกว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และหอกที่อยู่ข้างมือเล่มนี้มาจากไหน
ผ่านไปแล้ว 3 วันตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมา แต่เธอก็ยังคงไม่พบร่องรอยของมนุษย์ในดินแดนแห่งนี้
แค่การจัดการพวกปีศาจที่พบเจอระหว่างทาง ก็ทำให้เธอเหนื่อยมากพออยู่แล้ว
ชุดรัดรูปสำหรับต่อสู้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โชคดีที่โหมดช่วยดำรงชีพยังคงทำงานอยู่
ความเหนื่อยล้าถูกสะสมในร่างกายอย่างต่อเนื่อง และฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน
ได้ทำให้การนอนหลับที่ เดิมทีก็น้อยอยู่แล้วยิ่งลดลงไปอีก
ดูเหมือนว่าตัวเองจะถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องร้ายแรงบางอย่าง และความทรงจำส่วนที่ขาดหายไปก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
───นี่เป็นสิ่งเดียวที่มั่นใจได้ในตอนนี้
เศษหินร่วงกราวลงมาจากที่สูง แรงสั่นสะเทือนจากผิวดินรุนแรงขึ้น จนรู้สึกได้อย่างชัดเจน
เด็กสาว: ถูกเจอตัวเข้าอีกแล้วเหรอ...
เธอจ้องมองไปที่หอกสีแดงที่วางอยู่บนตักของเธอ และถอนหายใจ
แม้ว่าหอกหน้าตาประหลาดนี้จะใช้ได้ผลดีกับปีศาจพวกนั้น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติบางอย่างที่คอยดึงดูดพวกปีศาจด้วย
เด็กสาว: เมื่อเป็นแบบนี้ ฉันคงทำได้แค่เก็บกวาดให้สิ้นซากเหมือนเคยสินะ
สภาพการณ์ของโลกนี้ ไม่ได้อยู่ในความทรงจำส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวเอง
ไม่ว่าจะเพื่อยืนยันสถานการณ์ในตอนนี้ หรือเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่ตัวเองสูญเสียความทรงจำ
ก็จำเป็นต้องติดต่อกับมนุษย์ของที่นี่โดยเร็วที่สุด
"ไม่เหมือนกับพวกเขา เธอมีความพิเศษในตัว"
เธอพูดแบบนี้กับตัวเอง
"ดังนั้นต่อจากนี้ไป..."
"ต้องพยายามด้วยตัวคนเดียวแล้ว Asuka"
ผืนแผ่นดินกำลังร่ำไห้ ผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้นถูกส่งมาถึงที่นี่อและทำให้ทั่วทั้งบริเวณมีแต่ความอึมครึม
เธอดึงหอกที่ปักอยู่บนพื้นออกมา จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนซากศพของปีศาจและมองออกไปไกล
ศูนย์กลางของการระเบิดมีลำแสงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นฟ้า ราวกับกางเขนที่ฉีกกระเช้าชั้นบรรยากาศออกจากกัน
เธอจ้องมองภาพที่อยู่เบื้องหน้า ด้วยแววตาเหม่อลอยราวกับตกอยู่ในภวังค์
“...ไคจูเทวทูต...”
สิ่งที่เธอพูดออกมา คือชื่อของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่
ในปีค.ศ. 1954 นักชีววิทยาชื่อ Goro Maki ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งในอเมริกา และเริ่มศึกษาการกลายพันธุ์ที่เกิดจากกากขยะนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ ทิ้งลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ในช่วงทศวรรษปี 1950
ต่อมา Maki ได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตใหม่ที่แปลกประหลาด ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลยุคก่อนประวัติศาสตร์ชนิดหนึ่งที่พบว่าตัวเองถูกล้อมรอบด้วยขยะนิวเคลียร์ที่ก้นทะเล
แต่มันกลับสามารถปรับตัวและวิวัฒนาการได้อย่างรวดเร็วเพื่อต้านทานต่อรังสี
ในระหว่างการวิจัยของ Maki เขาจึงตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตนี้ว่า "GOJIRA" (ゴジラ)ซึ่งแปลว่า "การจุติเป็นร่างของพระเจ้า" ตามชื่อในตำนานบ้านของเขาบนเกาะโอโดะ
แต่เมื่อกระทรวงพลังงานของอเมริกาทราบถึงการวิจัยของ Maki จึงได้สั่งห้ามไม่ให้ตีพิมพ์เผยแพร่
พร้อมทั้งตั้งชื่อสากลให้กับเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ว่า "GODZILLA"
ในปีค.ศ. 1984 สิ่งมีชีวิตตัวนั้นได้ค่อยๆ เติบโตในระยะเวลา 30 ปี ก่อนที่มันจะโผล่ตัวขนาดมหึมาขึ้นมาจากอ่าว
และในขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตตัวนั้นก็ได้ออกจากอ่าวและเริ่มว่ายน้ำในแม่น้ำสู่โตเกียวทำลายเรือและสะพานในขณะที่มันว่ายผ่าน
ต่อมาเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้เดินอย่างงุ่มง่ามด้วยสองขาหลังของมัน และมาขึ้นฝั่งที่คามาตะในเขตโอตะ ทุบรถและทำลายอาคารขณะที่มันเดินเตาะแตะไปตามถนน
ทำให้นายกรัฐมนตรีจึงได้ออกคำสั่งให้ตัดสินใจอนุญาตให้ กองกำลังป้องกันตนเอง(JSDF) เพื่อทำการโจมตีสัตว์ประหลาดยักษ์ดังกล่าว
ทันใดนั้นเจ้าสิ่งมีชีวิตปริศนาตัวนั้นก็ได้หยุดการเคลื่อนไหวและได้ล้มลงบนกับพื้น
ต่อจากนั้นเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนั้นจะเริ่มวิวัฒนาการ โดยการงอกแขนเล็กๆออกมา และยืนตัวตรงด้วยขาหลังของมัน เหงือกของมันมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด และได้ส่งเสียงคำรามอย่างน่าหวาดกลัว ก่อนที่มันจะยังคงเดินหน้าต่อไปผ่านชินากาว่า
ขณะเดียวกันที่ครีบหลังของเจ้าสัตว์ประหลาดก็เริ่มเรืองแสงสีแดงและปล่อยไอความร้อนออกมา และมันจะคำรามเสียงดังลั่น
ก่อนที่มันจะกลับไปคลานเหมือนตอนแรกและถอยลงสู่สู่มหาสมุทรอีกครั้ง
โดยหลังจากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ทำการรวบรวมทีมข้าราชการระดับต่ำและเหล่านักวิทยาศาสตร์ต่างๆ เพื่อกำหนดวิธีต่อสู้กับสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนั้น หากมันกลับมาขึ้นฝั่งอีกครั้ง
ในตอนแรกพวกเขาตั้งสมมติฐานว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ได้พลังงานมาจากการแบ่งแยกนิวเคลียส หรือ นิวเคลียร์ฟิชชัน (Nuclear fission)
หลังจากการวิเคราะห์เส้นทางการทำลายล้างของมันนั้น พบว่ามันได้ปล่อยรังสีออกมาถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่นี่เป็นการยืนยันสมมติฐานของพวกเขา
ถว่าหลังจากที่มันได้ทิ้งร่องรอยแห่งการทำลายล้างไว้ ก็ไม่มีใครพบเห็นเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนั้นอีกเลย
ในปีค.ศ. 2000 เกิดอุกกาบาตถล่มโลกสร้างความหายนะมากมายเหตุการณ์นี้รู้จักในชื่อ "ฮงไกปะทุครั้งที่ 2"
ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น, หายนะจากภัยพิบัติธรรมชาติ, ระบบเศรษฐกิจพังทลาย, ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์…
ประชากรโลกลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียว
ใน 14 ปีต่อมา เมื่อเมืองเริ่มแสดงสัญญาณของการฟื้นคืนสภาพนั้น
ก็ได้เกิดอีก 2 หายนะที่คุกคามมนุษยชาติ
หายนะจากสิ่งมีชีวิตปริศนาขนาดยักษ์ที่เกิดขึ้นเหนือธรรมชาติ “ไคจูเทวทูต (DEATH KAIJU)”
ไคจูเทวทูต (DEATH KAIJU)
ไคจูเทวทูตเป็นสิ่งมีชีวิตปริศนาขนาดยักษ์ไม่ทราบที่มาแน่ชัด ที่มีพลังงานฮงไกจำนวนมหาศาลเช่นเดียวกับปีศาจฮงไก หรือแฮชเชอร์
ความแตกต่างของไคจูเทวทูตกับปีศาจฮงไก
สิ่งที่ทำให้ปีศาจฮงไกแตกต่างจากปีศาจฮงไกทั่วไปคือ พวกมันมีเลือด เนื้อ กระดูก และอวัยวะต่างๆคล้ายกับสิ่งมีชีวิตบนโลก ซึ่งจะทำให้มันดูคล้ายกับแฮชเชอร์มากกว่า
ถว่ามันก็ไม่ได้คล้ายกันซะทีเดียวเพราะว่า แฮชเชอร์ มีเป้าหมายและเจตจำนงของตัวเองอย่างชัดเจน ในขณะที่ไคจูเทวทูตส่วนใหญ่กลับมีไม่มีเจตจำนงของตัวเอง โดยพวกมันจะทำตามสัญชาตญาณเหมือนกับสัตว์ป่า แต่บางตัวก็มีระดับสติปัญญามากพอที่จะวางแผนนึกคิดได้ในระดับหนึ่ง
ลักษณะทางกายภาพ
โดยทั่วไปไคจูเทวทูตจะมีลักษณะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตบนโลกทุกอย่างแต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้พวกมันแตกต่างกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป
พวกมันมีกระดูกที่เคลือบด้วยสารชนิดพิเศษคล้ายกับไททาเนียม ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้มันสามารถทนต่อการโจมตีทุกรูปแบบรวมถึงสภาพแวดล้อมต่างๆได้
อวัยวะภายในต่างๆของเหล่าไคจูเทวทูตก็มีลักษณะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่บางตัวจะมีอวัยวะภายในเสริมขึ้นมาบางอย่างเช่น กระเปาะชนิดพิเศษที่ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเก็บพลังงานเชื้อเพลิง หรือกรดพิษไว้ใช้สำหรับการโจมตีเป็นต้นฯ
พวกมันมีกล้ามเนื้อหุ้มกระดูก โดยที่กล้ามเนื้อพวกนี้มีความหนายืดหยุ่นและแข็งแรงกว่าสิ่งมีชีวิตปกติ ทำให้ทนต่อการโจมตีประเภทปืนให้หรือรถถังได้ และต่อให้ถูกโจมตีด้วยการฟันจนมีบาดแผล ร่างกายของพวกมันก็จะทำการสมานบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว
โดยร่างกายของไคจูเทวทูตจะมีพลังงานฮงไกที่อยู่ในร่างกายมากถึง 50% - 60%
ส่งผลทำให้ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งและมีพลังการโจมตีมากกว่าพวกปีศาจฮงไกทั่วไป
รูปร่างหน้าตาของไคจูเทวทูต มันก็จะมีความแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวและวิวัฒนาการ เพื่อให้พลังงานฮงไกที่อยู่ในร่างกายมีความเสถียรมากที่สุด
โดยส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะคล้ายกับสัตว์เลื้อยคลานหรือไดโนเสาร์
แต่บางตัวก็มีรูปร่างคล้ายกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แมลง นกหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
และบางตัวก็มีลักษณะคล้ายกับสิ่งมีชีวิตประเภทพืชอีกด้วย
จุดอ่อน
การโจมตีประเภทความร้อนสูง เพราะการโจมตีพวกนี้จะสร้างความเสียหายให้กับพวกไคจูเทวทูต ซึ่งจะทำให้มันไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลได้(ยกเว้นบางตัว) และถ้าหากถูกการโจมตีที่มีความรุนแรงมากพอก็อาจทำให้ถึงตายได้เช่นกัน
ต่อมาได้มีการก่อตั้งหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามไคจู หรือ "SSSP" (S-Class Species Suppression Protocol)
ศูนย์บัญชาการของหน่วย SSSP
อาคารของหน่วย SSSP มีลักษณะรูปทรงที่ดูโดดเด่นจะตั้งอยู่บริเวณใกล้ชานกรุงโตเกียว ภายในเหล็กเส้นของอาคารนั้นจะมีโลหะผสมไททาเนียมชนิดพิเศษที่สามารถกันรังสีความร้อนและแสงแดดได้ ทั้งยังทนต่อการโจมตีจากภายนอกอีกด้วย บนดาดฟ้าอาคารจะมีเรดาห์, เสาสัญญาณสื่อสาร และเสารังสีคอสมิกติดตั้งอยู่ด้วย
ส่วนในตัวอาคารเอง ได้มีระบบคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพระดับสุดยอดติดตั้งอยู่เพื่อทำหน้าที่รวบรวมวิเคราะห์ข่าวสารต่างๆ และนอกจากจะมีลานจอดยานรบแล้ว ที่นี่ยังมีโรงเก็บซ่อมยานยนต์อีกหลายชนิดด้วย
สมาชิกหน่วย SSSP
โดยที่สมาชิกหน่วย SSSP ประกอบไปด้วย
Kimio Tamura: หัวหน้าหน่วยผู้มีบุคลิกภาพดี และชอบออกไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เกิดเหตุด้วยตนเอง ซึ่งถูกส่งมาจากกรมนโยบายป้องกันประเทศ กระทรวงป้องกันประเทศ
Akihisa Taki: เจ้าหน้าที่อัจฉริยะผู้คิดค้นเหล่าอาวุธในการปราบสัตว์ประหลาด ซึ่งเป็นบัณฑิตวิทยาลัยสาขาวิทยาศาสตร์ เอกฟิสิกส์ด้านอณุภาคที่ไม่สามารถอธิบายได้จากมหาวิทยาลัยโจโฮคุ
Arashi Higuchi: เจ้าหน้าที่นักแม่นปืนประจำหน่วยผู้รับผิดชอบด้านการวางกลยุทธ์ต่างๆในหน่วย ซึ่งถูกส่งมาจาก สนง.ความมั่นคงสาธารณะของกรมตำรวจ
Yumi Funaberi: เจ้าหน้าที่หญิงเพียงคนเดียวของหน่วย ทำหน้าที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารต่างๆ ซึ่งถูกส่งมาจากกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
Shinji Kaminaga: เจ้าหน้าที่หน่วย SSSP ชายหนุ่มผู้กล้าหาญและรักความยุติธรรม ซึ่งเป็นคนธรรมดาที่สมัครเข้ามาจนได้อยู่ในหน่วย SSSP
หายนะลึกลับจากฟากฟ้าในร่างมนุษย์ที่เรียกว่า "แฮชเชอร์"
แฮชเชอร์เป็นตัวตนของมนุษย์ที่อัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังมนุษย์ด้วยกันและเป็นศัตรูธรรมชาติของมนุษย์
แต่ความเกลียดชังไม่ได้สร้างแฮชเชอร์อย่างเดียว พลังฮงไกเองก็เป็นส่วนที่ทำให้เกิดแฮชเชอร์ขึ้นมา
และแฮชเชอร์นั้นมีตัวตนอยู่ได้เป็นเพราะแกนกลาง หรือ Core Herrscher ที่อยู่ภายใน หากแกนกลางถูกทำลาย แฮชเชอร์ก็จะถูกกำจัดเช่นกัน
เพื่อต่อต้าน "แฮชเชอร์" ที่อาจลงมาจุติได้ทุกเมื่อ มนุษยชาติได้สร้างอาวุธรูปทรงมนุษย์ขนาดยักษ์ที่เรียกว่า "Wotan" ขึ้นมา
และในขณะนั้น ก็ได้มีเด็กสาวสามคน ถูกเลือกให้เป็นคนขับ "Wotan"
เหล่าเด็กสาวผู้แบกรับชะตาชีวิตของมนุษยชาติ
การต่อสู้ของพวกเธอได้เริ่มขึ้นแล้ว…
ผลงานอื่นๆ ของ ONIKING-SAMA ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ONIKING-SAMA
ความคิดเห็น